วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ระบบฐานข้อมูล

บทที่ 5 การสร้างรายงาน
ตอนที่ 1
1.ข้อใดต่อไปนี้ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทของรายงาน
 ง.Chart
2.มุมมองของรายงานที่เพิ่มเข้ามาใหม่ใน Access2007 คือมุมมองใด
 ก.Layout View
3.Page Footer คือส่วนใด
ค.ส่วนที่ต้องการแสดงผลข้อมูลให้ปรากฎอยุ่ที่ส่วนท้ายของทุกๆหน้ารายงาน
4.หลังจากแทรกชื่อเรื่อง (Title) ของรายงานแล้ว จะแสดงพื้นที่ส่วนใดของรายงานให้อัติโนมัติ
ก.Report Header/Footer
5.ผลลัพธ์ในการสร้างรายงานแบบอัตโนมัติจะมีลักษณะของรายงานเป็นแบบใด
 ข.Tabular
6.ถ้าต้องการสร้างรายงานโดยให้มีการจัดกลุ่มของข้อมูลด้วย จะต้องสร้างรายงานด้วยวิธีใด
ค.สร้างรายงานด้วยเครื่องมือช่วยสร้าง
7.ถ้าต้องการสรุปข้อมูลในรายงานโดยให้แสดงอยู่ที่ส่วนท้ายสุดของรายงานจะต้องกำหนดที่ตำแหน่งใด
ค.Report Footer
8.ในการป้อนสูตรฟังก์ชั่นจะต้องใช่เครื่องมือใด
ข.Text Box
9.ฟังก์ชั่นที่ใช้ในการหาค่าเฉลี่ยของข้อมูล
ง.Avg
10.ข้อใดต่อไปนี้เป็นการเขียนสูตรฟังก์ชั่นในการหาผลรวมของฟิลด์เงินเดือน
ข.=Sum([Salary])

ตอนที่ 2
1.Columnar Report    à  ซ.แสดงข้อมูลโดยเรียงฟิลด์แต่ละเรคคอร์ดจากบนลงล่าง
2.Tabular Report       à   จ.แสดงข้อมูลทุกเรคอร์ดใน 1 รายการ
3.Label Report           à   ฉ.พิมพ์ป้ายฉลากติดซองจดหมาย
4.Page Header           à   ญ.รายละเอียดในส่วนหัวรายงานที่แสดงทุกหน้าของรายงาน
5.Report Hrader       à    ข.รายละเอียดในส่วนหัวรายงานที่แสดงในหน้าแรก
6.Detail                         à    ก.ส่วนในการแสดงฟิลด์ข้อมูลที่ดึงมาจากตาราง
7.Pages                          à   ช.แสดงเลขหน้าทั้งหมด
8.Page                       à    ค.แสดงเลขหน้าปัจจุบัน
9.Sum                           à    ง.รวมข้อมูลทั้งหมด
10.Count                       à    ฌ.นับจำนวนทั้งหมด

ตอนที่ 3
1.การสร้างรายงานมีกี่แบบ อะไรบ้าง และแต่ละแบบมีประโยชน์อย่างไร
- 3 แบบ
1.1รายงานแบบคอลัมน์ (Columnar Report) มีประโยชน์แสดงข้อมูลโดยเรียงฟิลด์แต่ละเรคอร์ดจากบนลงล่าง ทีละ 1 เรคอร์ด
1.2รายงานแบบตาราง (Tabular Report) มีประโยชน์เป็นรายงานที่แสดงแบบแถวและคอลัมน์ซึ่งจะแสดงข้อมุลทุกเรคคอร์ดใน 1 หน้ารายงาน
1.3รายงานแบบป้ายชื่อ (Label Report) มีประโยชน์เป็นรายงานที่พิมพ์ฉลากต่างๆ

2.จงบอกถึงส่วนประกอบของรายงาน และแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไร
- ประกอบด้วย 5 ส่วน
1.Report Header เป็นส่วนที่ใช้แสดงข้อความหรือรายเอียดที่ต้องการแสดงในหน้าแรกของรายงาน
2.Page Header เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในทุกๆหน้าของรายงาน
3.Detail เป็นพื้นที่ในการแสดงข้อมูลที่ดึงมาจากฐานข้อมูล ทั้งในตารางและแบบสอบถามข้อมูล
4.Page Footer เป็นพื้นที่ในส่วนท้ายของรายงาน เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในทุกๆหน้าของรายงาน
5.Report Footer เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในหน้าสุดท้ายของรายงานเท่านั้น

 3.  จงอธิบายขั้นตอนการสร้างรายงานแบบ Report Wizard
1. คลิกที่แท็บ Create
  2.คลิกเลือก Report Wizard ในกลุ่มของ Reports
  3.เลือกตารางหรือแบบสอบถามข้อมูลที่ต้องการนำมาสร้างรายงาน
 4.คลิกเลือกฟิลด์ที่ต้องการ แล้วคลิกปุ่ม > เพื่อเลือกทีละฟิลด์ หรือคลิกปุ่ม >> เพื่อนเลือกฟิลด์ทั้งหมด
 5.แล้วคลิกปุ่ม Next>
 6.เลือกข้อมูลที่ต้องการแสดงรายละเอียด
 7.แล้วคลิกปุ่ม Next>
 8.เลือกฟิลด์ที่ต้องการ แบ่งกลุ่มข้อมูล แล้วคลิกที่ปุ่ม >เพื่อเลือกฟิลด์
 9.แล้วคลิกปุ่ม Next>
 10.เลือกฟิลด์ที่ต้องการเรียงลำดับ ถ้าต้องการเรียงลำดับข้อมูลจากน้อยไปหามากให้คลิกที่ปุ่ม Ascendingและคลิกที่ปุ่มDescending  ถ้าต้องการเรียนจากมากไปหาน้อย
 11.แล้วคลิกปุ่ม Next>
 12. เลือกรูปแบบตำแหน่งการจัดวางรายงานที่ Layoutและที่Orientationเลือกแนวกระดาษเลือก Portraitสำหรับแนวตั้งและ Landscape สำหรับแนวนอน
 13.แล้วคลิกปุ่ม Next>
 14.เลือกสไตล์หรือรูปแบบรายงานที่ต้องการ
 15.แล้วคลิกปุ่ม Next>
 16.ตั้งชื่อรายงานที่ต้องการ และเลือกการแสดงผลรายงานในมุมมองตัวอย่างก่อนพิมพ์หรือมุมมองในการแก้ไขรายงาน
 17.แล้วคลิกปุ่ม Finish

4.อธิบายขั้นตอนการสร้างรายงานแบบ Label Wizard
1. คลิกที่แท็บ Create
2.เลือกตารางหรือแบบสอบถามข้อมูลที่ต้องการนำมาสร้างเลเบล
3.คลิกที่ปุ่ม Labelsในกลุ่มของ Reports จากนั้นจะแสดงหน้าจอให้เลือกขนาดของเลเบล
4.เลือกขนาดของแถบที่ต้องการ ซึ่งถ้าหารต้องการกำหนดขนาดของเลเบลใหม่ให้คลิกที่ปุ่ม Customize แล้วกำหนดขนาดใหม่
5.แล้วคลิกปุ่ม Next>
6.กำหนดรูปแบบที่ต้องการแสดง
7.แล้วคลิกปุ่ม Next>
8.คลิกเลือกฟิลด์ที่ต้องการแสดงในเลเบล โดยคลิกปุ่ม > เพื่อเลือกข้อมูล ซึ่งถ้าหากต้องการเว้นวรรคในแต่ละฟิลด์ ให้กดปุ่ม Spacebar ที่แป้นพิมพ์ และถ้าต้องการขึ้นบรรทัดใหม่ก็สามารถกดปุ่ม Enterได้
9.แล้วคลิกปุ่ม Next>
10.เลือกฟิลด์ที่ต้องการเรียงลำดับข้อมูลใน เลเบล โดยคลิกปุ่ม > เพื่อเลือกฟิลด์ข้อมูล
11.แล้วคลิกปุ่ม Next>
12.ตั้งชื่อรายงานและเลือกการแสดงผล เลเบล ในมุมมองตัวอย่างก่อนพิมพ์หรือมุมมองในการแก้ไขเลเบล
13.แล้วคลิกปุ่ม Finish

5.จงบอกถึงข้อดีและข้อเสียของรายงานแบบอัตโนมัติ
ข้อดี
-สะดวกรวดเร็ว     สามารถคำนวณข้อมูลได้    สามารถพิมพ์ออกมาได้
ข้อเสีย
สะดวกรวดเร็ว    ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในตารางได้ในขณะที่พิมพ์ออกมาได้แบบฟอร์ม

บทที่4
ตอนที่ 1
1. ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ ประโยชน์ของฟอร์ม
ข.เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูลทั้งหมด
2. รูปแบบของฟอร์ม แบ่งออกเป็นกี่ประเภท
ง. 5
3. ถ้าต้องการสร้างฟอร์มโดยให้แสดงข้อมูลฟอร์มในมุมมองฟอร์มและมุมมองแผ่ตารางข้อมูล
จะต้องสร้างด้วยคำสั่งใด
ข. Split Form
4. ถ้าต้องการสร้างฟอร์มโดยให้แสดงข้อมูลในทุกๆ เารคคอร์ดจะต้องใช้การสร้างฟอร์มใด
ค. Multiple Item
5. เลเบล (Label) เป็นเครื่องมือที่ใช้ทำอะไร
ก. ป้อนข้อความ
6. ข้อมูลที่นำมาใช้ในการสร้างฟอร์มมาจากที่ใด
ค.TableหรือQuery
7. Form Header คือส่วนใด
ง.ส่วนที่ต้องการแสดงข้อความหรือรูปภาพในหน้าแรกของฟอร์ม
8. ถ้าต้องการสร้างกล่องรายการให้เลือก จะต้องใช้เครื่องมือใด
ง.ถูกทั้งข้อ ก. และ ค.
9. ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ ส่วนประกอบของฟอร์ม
ข. Section
10.หลังจากที่เพิ่มข้อมูลลงในฟอร์มแล้ว ข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ที่ใด
ก.table

  ตอนที่2
1.Columnar Form   
à   ช. แสดงข้อมูล 1 เรคคอร์ดต่อ 1 หน้าฟอร์ม
2.Tabular Form     
à ฌ. ฟอร์มที่แสดงข้อมูลทุกเรคคอร์ด
3.Form Design             
à ง. สร้างฟอร์มด้วยการออกแบบเอง 
4.Spirit Form                        
à ฉ. แสดงข้อมูลในมุมมองฟอร์มและแผ่นตาราข้อมูล
5.Pivot Chart                         
à  ซ. วิเคราะห์ข้อมูลในลักษณะแผนภูมิ
6.Label                  
à  ข. พิมพ์ข้อความที่ต้องการแสดง  
7.Text Box                            
à  ญ. ใช้แสดงข้อมูลในฟิลด์และป้อนสูตรคำนวณ
8.Option Group    
à  ก. กลุ่มรายการให้เลือก  
9.Combo Box             
à  จ. กล่องรายการให้เลือกแบบบรรทัดเดียว
10.List Box                           
à  ค. กล่องรายการให้เลือกแบบหลายบรรทัด

ตอนที่3 1. จงอธิบายถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการสรางฟอร์ม
ทำให้ผู้ใช้ทำงานกับข้อมูลในตารางได้สะดวกกว่าการใช้มุมมองแผ่นข้อมูล
2. ในการสร้างฟอร์มมีกี่แบบ แต่ละแบบมีประโยชน์อย่างไร
5แบบ
2.1ฟอร์มคอลัมน์ (Columnar Form)ทำให้เราสามารถสร้างฟอร์มได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว
2.2ฟอร์มแบบตาราง (Tabular Form)สามารถแสดงข้อมูลได้ทุกเรคอร์ด
2.3ฟอร์มแบบแผ่นตารางข้อมูล (Datasheet Form)
2.4ฟอร์มแบบตารางสรุปข้อมูลหลายมิติ (Pivot Table Form)
2.5ฟอร์มแบบแผนภูมิสรุปข้อมูลหลายมิติ (Pivot Chart Form
3. ส่วนประกอบของฟอร์มมีอะไรบ้าง และแต่ละส่วนมีหน้าที่อย่างไร
3.1 Form Header
3.2 Form Footer
3.3 Page Header
3.4 Page Footer
3.5 Detial
4 จงยกตัวอย่างปุ่มเครื่องมือ (Controls) ที่ใช้ในการเพิ่มส่วนประกอบของฟอร์มมา 3ส่วน
ประกอบ พร้อมบอกถึงหน้าที่ในการทำงานของแต่ละส่วนประกอบ
Text Box ใช้แสดงข้อมูลในฟิลด์ป้อนสูตรคำนวณและฟั่งชั่นอื่น
Label ใช้สำหรับพิมพ์ข้อความในฟอร์ม
Botton ปุ่มคำสั่ง
5 จงอธิบายถึงขั้นตอนในการสร้างฟอร์มแบบแผนภูมิ (PivotChart)
5.1 คลิกที่แท็บสร้าง(Create)
5.2 คลิกที่ปุ่ม Pivot Chart ในกลุ่มของฟอร์ม
5.3 คลิกที่พื้นที่ในแผนภูมิ แล้วจะแสดงฟิลด์ รายการข้อมูล (Field List)ให้เลือก
5.4 คลิกที่ฟิลด์ที่ต้องการ
5.5 เลือกตำแหน่งที่ต้องการแสดงฟิลด์
5.6 คลิกปุ่ม Add to เพื่อวางฟิลด์ในตำแหน่งที่เลือก

บทที่ 3
ตอนที่11.ข้อใด ไม่ใช่ ความสามารถของคิวรี่
ข.สร้างตารางเก็บข้อมูล
2.แบบสอบถามข้อมูลใดที่นิยมใช้งานมากที่สุด
ก.Select Query
3.ถ้าต้องการปรับเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานคนละ 10 เปอเซ็นต์เท่าๆกัน จะต้องใช้แบบ
สอบถามข้อมูลแบบใด
ง.Updaya Query
4.ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ โอเปอเรเตอร์ทางคณิตศาสตร์
ค.>
5.โอเปอเรเตอร์ตัวใดต่อไปนี้ใช้แทนตัวอักขระใดๆ
ก.*
6.โอเปอเรเตอร์ตัวใดต่อไปนี้ใช้ในการเชื่อมข้อความ
ง.&
7.ถ้าต้องการกำหนดเงื่อนไขในแบบสอบถามข้อมูล จะต้องกำหนดที่บรรทัดใด
ค.Criteria
8.ถ้าต้องการกำหนดเงื่อนไขในการค้นหาพนักงานที่มีเดือนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะ
ง.>=50000
9.ข้อใดคือรูปแบบในการสร้างฟิลด์ใหม่
ข.ชื่อฟิลด์ใหม่ : ฟิลด์คำนวณ
10.ข้อใดต่อไปนี้คือสูตรในการหาภาษี 5%
ข.Tax : [Salary]*0.05

ตอนที่21.  Select Query     >>>         ฉ.ใช้สอบถามข้อมุลตามเงื่อนไข
2.  Crosstab Query     >>>    ซ.ใช้สอบถามข้อมูลที่มีความสัมพันธ์ระหว่างฟิลด์
3.  Updata Query     >>>       จ.ใช้ปรับปรุงข้อมูลตามเงื่อนไข
4.  Append Query    >>>       ข.ใช้ในการเพิ่มข้อมุลต่อท้ายตารางเดิม
5.  Delete Query    >>>         ฌ.ใช้ในการลบข้อมุลตามเงื่อนไข
6.  Criteria     >>>                 ก.กำหนดเงื่อนไขในการค้นหาข้อมูล
7.  Like     >>>                     ค.ใช้ตรวจสอบอักขระว่าตรงกับที่กำหนดหรือไม่
8.  In     >>>                         ญ.ใช้ในการกำหนดว่าค่าใดบ้างตรงกับค่าในรายการ
9.  Find Duplicates Query Wizard     >>>    ช.ค้นหาข้อมูลที่ซ้ำกันในตาราง
10 Find Unmatched Query Wizard   >>>    ง.ค้นหาข้อมุลที่ไม่ซ้ำกันใน 2 ตาราง

ตอนที่31.จงบอกถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการสร้างแบบสอบถามข้อมูลหรือคิวรี่
ช่วยในการสอบถามข้อมูลในตารางวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูล
2.จงบอกขั้นตอนในการสร้างแบบสอบถามข้อมูลด้วยมุมมองการออกแบบ
2.1.คลิกเลือกแท็บสร้าง
2.2คลิกที่ปุ่ม Query Design
2.3คลิกเลือกชื่อตาราง
2.4.คลิกปุ่ม เพิ่ม
2.5.คลิกปุ่ม ปิด
2.6.คลิกเลือกชื่อฟิลด์ที่ต้องการจนครบทุกฟิลด์
2.7.คลิกที่ มุมมองแผ่นข้อมูลเครื่องมือช่วยสร้าง
3.การสร้างแบบสอบถามข้อมูลด้วยเครื่องมือช่วยสร้าง (Query Wizard) มีกี่แบบ และแต่ละแบบมีประโยชน์อย่างไร
Query Wizard มี 4 แบบ คือ
 3.1.Simple Wizard สามารถสร้างแบบสอบถามด้วยเครื่องมือง่ายๆ
3.2.Crosstad Query สามารถแสดงข้อมูลในรูปแบบกราฟและในลักษณะตารางไขว้
3.3.Find Duplicates Query สามารถค้นหาข้อมูลที่ซ้ำกันในตาราง
3.4.Find Unmatched Query สามารถค้นหาข้อมูลที่ไม่ซ้ำกันในตาราง
4.จงอธิบายขั้นตอนในการสร้างแบบสอบถามข้อมูลด้วย Simple Query Wizard
4. 1.คลิกที่แท็บ สร้าง
4.2.คลิกที่ปุ่มตัวช่วยสร้างแบบสอบถาม
4.3.เลือกแบบสอบถามข้อมูลอย่างง่าย
4.4.คลิก ตกลง
4.5.เลือกชื่อตาราง
4.6.เลือกชื่อฟิลด์ที่ต้องการ
4.7.คลิกปุ่ม ถัดไป
4.8.ตั้งชื่อแบบสอบถามข้อมูล
4.9.คลิก เสร้จสิ้น
5.จงอธิบายความหมายและหลักการสร้างแบบสอบถามข้อมูล Crossta Query Wizard
 เป็นการสร้างแบบสอบถามข้อมูลที่สอบถามความสัมพันธ์ระหว่างฟิลด์ 2 ฟิลด์หรือมากกว่า

24 มิถุนายน 2554
ตอนที่1 แบบ ปรนัย
1.ข้อใดกล่าวถึงความหมายของตาราง (Table) ได้ชัดเจนที่สุด
ตอบ     . ฐานข้อมูลใน Access
2.ข้อใดต่อไปนี้ กล่าวผิด
ตอบ   . Attachment เป็นชนิดข้อมูลสาหรับสร้างจุดเชื่อมโยงไปยังไฟล์
3.ฟิลด์ (Field) หมายถึงอะไร
ตอบ  . คอลัมน์
4.เรคอร์ด (Record) หมายถึงอะไร
ตอบ   . แถว
5.ชนิดข้อมูลแบบข้อความ (Text) สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุดกี่ตัวอักษร
ตอบ    ค. 255
6.ถ้าต้องการกำหนดฟิลด์ในการเก็บข้อความจำนวนมากๆ จะต้องเลือกชนิดข้อมูลแบบใด
ตอบ   . Memo
7.มุมมองที่ใช้ในการสร้างตารางด้วยการออกแบบเองคือมุมมองใด
ตอบ  . Design View
8.ชนิดความสัมพันธ์ของตารางมีกี่แบบ
ตอบ     ค. 255
9.ข้อใดต่อไปนี้ ไม่สามารถ นามาประกอบในการตั้งชื่อฟิลด์ข้อมูลได้
ตอบ    . 4 แบบ
10.ถ้าต้องการเรียงลาดับข้อมูลในตารางจากน้อยไปหามาก จะต้องใช้เครื่องมือใด
ตอบ  . Ascending

ตอนที่ 2   จับคู่
1. Field               à              . ข้อมูลในแนวคอลัมน์
2. Record                à          . ข้อมูลในแนวแถว
3. Memo                 à                . เก็บข้อมูลประเภทข้อความที่มีความยาวมาก ๆ
4. OLE Object   à               . เก็บข้อมูลประเภทรูปภาพ
5. Currency        à              . เก็บข้อมูลที่เป็นตัวเลขทางการเงิน
6. Attachment    à              . เก็บเอกสารและแฟ้มไบนารี่ทุกชนิดในฐานข้อมูล
7. Input Mask     à              . กำหนดรูปแบบในการป้อนข้อมูล
8. Format           à               . กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล
9. Descending    à               . เรียงลาดับข้อมูลจากมากไปหาน้อย
10. Ascending   à               . เรียงลาดับข้อมูลจากน้อยไปหามาก

ตอนที่ 3 แบบอัตนัย
1.   จงอธิบายถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการสร้างตาราง
ตอบ     การสร้างตาราง ลงใน เว็บเพจมีประโยชน์มหาศาล เราสามารถ ประยุกต์ นำไปใช้ได้หลายอย่าง เพื่อเป็นการเพิ่มสีสันความสวยงามของเว็บเพจ การสร้างตาราง ในเว็บเพจก็ไม่แตกต่างจากการสร้างตารางบนแผ่นกระดาษทั่ว ๆ ไป เราเคยทำตารางอย่างไร ก็สามารถสั่งให้เว็บเพจของเรา ทำอย่างนั้นได้ เช่นกัน ต่างกันที่ว่าในเว็บเพจเราไม่สามารถที่จะ นำเอาปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด หรืออุปกรณ์ สำหรับเขียนตารางเข้าไปเขียนบนจอภาพได้ เราใช้ นิ้วมือของเรา เป็นผู้พิมพ์คำสั่ง สำหรับสร้างตารางขึ้นมา
2.  จงบอกถึงคุณสมบัติในการเลือกฟิลด์ข้อมูลที่จะนำมาเป็นคีย์หลัก (Primary Key)
ตอบ   ฟิลด์ที่มีข้อมูลในเรคอร์ดที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อเป็นตัวกำหนดให้ทุกเรคอร์ดแตกต่างกันและเป็นฟิลด์ที่ไม่เป็นค่าว่าง คือจะต้องมีค่าอยู่เสมอ เช่นรหัสพนักงาน รหัสประจาตัวนักเรียน เป็นต้น
3.   อธิบายถึงความแตกต่างในการสร้างตารางด้วยมุมมองการออกแบบ (Table Design) และมุมมองแผ่นตารางข้อมูล (Datasheet View)
ตอบ มุมมองแผ่นข้อมูล เป็นมุมมองที่แสดงข้อมูลจากตาราง ฟอร์ม แบบสอบถาม วิว หรือ Stored Procedure ในรูปแบบของแถวและคอลัมน์ในมุมมองแผ่นข้อมูล คุณสามารถแก้ไขเขตข้อมูล เพิ่มและลบข้อมูล และค้นหาข้อมูลได้
มุมมองออกแบบ เป็นมุมมองที่แสดงการออกแบบของวัตถุฐานข้อมูลต่อไปนี้ ได้แก่ ตาราง แบบสอบถาม ฟอร์ม รายงาน และแมโคร ในมุมมองออกแบบคุณสามารถสร้างวัตถุฐานข้อมูลใหม่และปรับเปลี่ยนการออกแบบของวัตถุที่มีอยู่แล้วได้
4.    จงบอกขั้นตอนในการสร้างตารางมุมมองการออกแบบว่ามีขั้นตอนอย่างไร
ตอบ     1. คลิกที่แท็บ Create
2. เลือกปุ่มคาสั่ง (Table Design) นกลุ่มของTablesจากนั้น Access จะเปิดตารางข้อมูลเปล่าในมุมมองการออกแบบขึ้นมาให้
3. กำหนดฟิลด์ข้อมูล แล้วกด Tab เพื่อเลื่อนไปยังช่องถัดไป
4. เลือกชนิดข้อมูล
5. กำหนดคาอธิบายฟิลด์
6. กำหนดคุณสมบัติของฟิลด์เพิ่มเติม จากนั้นทาข้อที่ 3 ถึงข้อที่ 6 จนครบทุกฟิลด์ที่ต้องการ
7. คลิกปุ่ม Save จาก Quick Access เพื่อบันทึกตาราง
8. กำหนดชื่อตาราง
9. คลิกปุ่ม OK
10. จากนั้นจะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ให้กำหนดคีย์หลัก (Primary Key) ถ้าคลิกปุ่ม Yes โปรแกรมจะกำหนดฟิลด์ใหม่ขึ้นมาให้ซึ่งเป็นคีย์หลักชื่อว่า ID แต่ถ้าคลิกปุ่ม No จะให้เรากำหนดคีย์หลักเองในภายหลัง ในที่นี้ให้คลิกปุ่ม No
5.   ในการสร้างตารางแม่แบบ (Template) มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
ตอบ ข้อดีคือ
1. เร็ว เพราะนำมาใช้งานได้เลย
2. ไม่เสี่ยง เพราะ เห็นทั้งคุณภาพและราคาก่อนตัดสินใจ
ข้อเสียคือ
1. อาจจะมีการซ้ำกับคนอื่น ที่ซื้อใช้เหมือนกัน หรือ ก็อบปี้ นำมาใช้เหมือนกัน
2. มีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองน้อย

วันที่ 6 มิถุนายน 2554
สรุปหน่วยการเรียนรู้ที่ 1
***ความหมายของฐานข้อมูล (Database)
ฐานข้อมูล
หมายถึง กลุ่มของข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันและนำมาจัดเก็บในที่เดียวกัน  
ระบบฐานข้อมูล
 หมายถึง  ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน เกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกัน
รูปแบบเป็นระเบียบแบบแผน และจัดเก็บไว้ในที่เดียวกัน
ระบบจัดการฐานข้อมูล
หมายถึง  โปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการกำหนดลักษณะ ข้อมูลที่จะเก็บไว้ในฐานข้อมูล เพื่ออำนวยความ            
 สะดวกในการบันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูล   
ประโยชน์ของฐานข้อมูล
ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล 
ความสอดคล้องของข้อมูล
ข้อมูลมีความถูกต้องมากขึ้น 
มีการใช้ข้อมูลร่วมกันได้ 
เพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูล 
ขจัดความขัดแย้งในการใช้ข้อมูลร่วมกัน
ข้อมูลที่จัดเก็บมีความทันสมัย
ข้อเสียของฐานข้อมูล
1.    เสียค่าใช้จ่ายสูง โปรแกรมที่ใช้ในระบบจัดการฐานข้อมูล มีราคาค่อนข้างแพงเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องมีความเร็วสูง                                                 
2. เกิดการสูญเสียข้อมูลได้ ข้อมูลจัดเก็บในที่เดียวกัน  ถ้าที่เก็บข้อมูลเกิดมีปัญหา อาจทำให้ต้องสูญเสียข้อมูลทั้งหมดในฐานข้อมูลได้ ดังนั้นการจัดทำฐานข้อมูลที่ดี ต้องมีการสำรองข้อมูลไว้เสมอ
หลักการออกแบบฐานข้อมูล
วัตถุประสงค์ในการสร้างระบบฐานข้อมูล
ต้องการใช้เพื่อทำอะไร และต้องการอะไรบ้างจากระบบนี
ถามความต้องการของผู้ใช้ ต้องการข้อมูลอะไรเข้าสู่ระบบ และผลลัพธ์ต้องการอะไรบ้าง
วิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด   
จัดกลุ่มข้อมูลที่ต้องการเก็บให้อยู่ในรูปแบบตาราง
วิเคราะห์ข้อมูลแต่ละตาราง กำหนดเขตข้อมูลให้ครบถ้วน

ระดับหน่วยของข้อมูล
บิท (Bit)  หมายถึง  หน่วยของข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุด
ไบท์ (Byte) หมายถึง เกิดจากการนำบิทมารวมกันเป็นตัวอักษร
เขตข้อมูล หรือ ฟิลด์ (Field) หรือ แอตทริบิวต์ (Attribute)
หมายถึง หน่วยของข้อมูลที่ประกอบด้วยหลาย ๆ ตัวอักษร
ระเบียน หรือ เรคอร์ด (Record)  หมายถึง
หน่วยของข้อมูลที่เกิดจากการนำเอาเขตข้อมูลหลาย ๆ เขตข้อมูลมารวมกัน
แฟ้มข้อมูล (File) หมายถึง หน่วยของข้อมูลที่เกิดจากการนำระเบียนหรือเอนทิตี้หลาย ๆ ระเบียนมารวมกันเป็น

ตอนที่1
1.ระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) คืออะไร
ข.ตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูล

2.หลังจากที่สร้างฐานข้อมูลแล้ว จะต้องสร้างออบเจ็กต์ใดเป็นอันดับแรก
ก.Table
3.ออบเจ็กต์ใดที่ทำหน้าที่ในการเก็บข้อมูลทั้งหมดลงฐานข้อมูล
ค.Form
4.ออบเจ็กต์ Query มีหน้าที่ทำอะไร
ค.สร้างแบบสอบถามข้อมูล
5.ข้อใดต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของออบเจ็กต์ Form
ข.เก็บข้อมูลลงฐานข้อมูล
6.ข้อใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ กฏของการ Normalization
ข.จะต้องมีความสัมพันธ์แบบเชิงกลุ่ม(Many to Many)
7.ข้อใด ไม่ใช่ ประโยชน์ที่ได้รับของระบบฐานข้อมูล
ค.ข้อมูลที่จัดเก็บมีความทันสมัย
8.ขั้นตอนใดต่อไปนี้เป็นขั้นตอนแรกในการออกแบบฐานข้อมูล
ก.กำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
9.ส่วนประกอบต่อไปนี้เพิ่มเข้ามาใหม่ใน Access 2007 ยกเว้น ข้อใด
ง.Ribbon
10.ข้อใดต่อไปนี้ กล่าวผิด
ก.เมื่อบันทึกฐานข้อมูลในAccsee 2007จะมีนามสกุลเป็น.accdb

ตอนที่ 2
1.DBMS   à  ช.ระบบจักการฐานข้อมูล
2.Normlization  à   จ.กฎที่ใช้ในการออกแบบตาราง
3.Office  Botton    à    ซ.ปุ่มที่รวบรวมชุดคำสั่งในการจัดการฐานข้อมูล
4.Quick Access Toolbar    à   ญ.แถบเครื่องมือที่รวบรวมเครื่องมือที่ใช้งานบ่อยๆ
5.Ribbon   à  ฌ.ส่วนการทำงานใหม่ที่เข้ามาแทนที่แถบเมนูและแถบเคื่องมือ
6.Navigation Pane    à   ก.แถบในการแสดงออบเจ็กต์ที่สร้างขึ้น
7.Document Window    à   ค.ส่วนของพื้นที่การทำงานของออบเจ็กต์ต่างๆ
8.Query   à    ข.แบบสอบถามข้อมูล
9.Macro   à    ง.ชุดคำสั่งกระทำการต่างๆ ที่นำมารวมกัน
10.Module  à   ฉ .โปรแกรมย่อยที่เขียนขึ้นภาษา VBA

ตอนที่ 3
1.จงอธิบายถึงความหมายของฐานข้อมูล
***ฐานข้อมูล คือข้อมูลจำนวนมากที่มีการจัดเก็บไว้ต่างเป็นระเบียนในลักษณะของตารางข้อมูลแต่ละตารางที่มีอยู่นั้นมีความสัมพันธ์กัน
2.ระบบฐานข้อมูลมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
***1. ลดความซับซ้อนของข้อมูล
2. ทำให้เกิดความสอดคล้องข้อมูล
3. สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้
4. มีความปลอดภัย
3.ใน Microsoft Access 2007 ประกอบไปด้วยออบเจ็กต์อะไรบ้าง และมีหน้าที่อย่างไร
***1. Table ใช้ในการเก็บข้อมูลทั้งหมด
2. Queries ช่วยค้นหาหรือสร้างแบบสอบถามข้อมูล
3. Froms แบบฟอร์มในการทำงาน สำหรับจัดการกับข้อมูลแทนการจัดการในตาราง
4. Reports ใช้ในการสร้างรายงาน
5. Modules ช่วยให้ทำงานกับข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
4.จงอธิบายหลักการออกแบบฐานข้อมูลมาพอเข้าใจ
*** กำหนดวัตถุประสงค์ว่าต้องใช้ข้อมูลเรื่องใด ใช้เพื่อทำอะไร ต้องการอะไร สอบถามความต้องการจากผู้ใช้ วิเคราะห์ข้อมูลที่จำเป็นจัดกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลแต่ละตาราง วิเคราะห์โครงสร้างข้อมูล กำหนดชนิดข้อมูล กำหนดความสัมพันธ์
5.จงยกตัวอย่างระบบงานที่ควรนำ ระบบฐานข้อมูลมาใช้จงอธิบายเหตุผล
***ข้อมูลพนักงาน มีพนักงานในบริษัทแต่ล่ะบริษัทมีพนักงานไม่ต่ำกว่า500คนเราจิงต้องเอา ระบบฐานข้อมูลมาใช้ในการจัดเรียงรายชื่อพนักงาน เช่น ตามตัวอักษร ตามตำแหน่งงาน ตามเงินเดือน เป็นต้น

ฐานข้อมูล หมายถึง กลุ่มของข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันและนำมาจัดเก็บในที่เดียวกัน  
ระบบฐานข้อมูล หมายถึง  ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มี ความสัมพันธ์กัน
เกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกันรูปแบบเป็นระเบียบแบบแผน และจัดเก็บไว้ในที่เดียวกัน
ระบบจัดการฐานข้อมูล หมายถึง  โปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการกำหนดลักษณะ ข้อมูลที่จะเก็บไว้ในฐานข้อมูล เพื่ออำนวยความ    สะดวกในการบันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูล